Wednesday, 2 September 2015

น้ำท่วม..... แล้วมันจะท่วมกูไหมเนี่ยะ.... ตอน พาน้องเพอร์ลี้ภัย

โอ๊ยปวดหัวกะกระแสข่าวน้ำท่วมเหลือเกิน..... ว่าป่ะ

อะไรกันนักหนาก็ไม่รู้...ข่าวจากหลายที่หลายกระแสเหลือเกิน ไอ้เราก็เป็นเด็กวัยรุ่น (หราาาาา....) สมัยใหม่ซ่ะด้วย เทคโนโลยีที่เค้ามีมีกันเราก็เป็นหมด เรียกว่าข่าวอะไรมา....ตรูรู้ ตรูทัน ....Twitter, Facebook, Blogger, กระทู้พันทิพย์ โน่นนี่นั่น ไหนจะพวกแท็กรูปสถานการณ์ต่างๆนานามาให้ได้เพิ่มเติมความเครียดมันเข้าไปอีก..... สรุปแล้วมันดีไหมเนี่ยะไอ้เทคโนโลยีที่มีเนี่ยะ... เล่นเอาซ่ะจากที่เราสมาธิดีดี เชื่อว่ายังง๊าาายยยยย ยังไงบ้านตรูก็ไม่ท่วม เหอะๆๆๆๆๆ เอาไปเอามา.... ตรูต้องท่วมให้ได้ชิ๊มิ๊....

หม่อมแม่เราก็เป็นห่วงเรามั่กๆ โทรเช้าโทรเย็น.... "ฮ่ะโหล.... เป็นไงมั่งลูก น้ำท่วมบ้านมึงยัง" พอตกเย็น "ฮ่ะโหล.....เป็นไงมั่งลูก กลับบ้านเราเถอะ ไม่ต้องรอน้ำมาหรอก กลับมาเถอะ....มาอยู่บ้านเรา" ซ้ึงอ่ะ แม่เป็นห่วงเรา..... ก่อนหน้านั้น ช่วงสายๆ พี่สาวก็โทรมาอีก "กลับบ้านเถอะโอ๋นเอ๊ยยยย....แม่เค้าเป็นห่วง เอาตัวเรารอดก่อน เอามาเท่าที่มาได้ ขับรถมาเองเลยดีกว่า ไหนๆที่จอดมันก็ไม่มีแล้ว เอามาไว้บ้านเรา แล้วค่อยกลับไปดูบ้านมึงก็ได้" อ่ะเห็นป่ะล่ะ มันไม่มีอะไรแย่ไปหมดซ่ะทีเดียว เรามีกำลังใจจากที่บ้านเรามากมาย ทั้งแม่ ทั้งพี่สาว วุ๊ฮู๊.... สู้ต่อโวีย...อินังน้ำ ตรูม่ายกลัวเมริงหรอก.... แม่โทรตาม พี่สาวโทรหา เช้าเย็น....เช้าเย็น... ทู๊กกกกกวันเลอะ...... อ่ะ กลับก้ได้ว่ะแต่คงแค่ไปให้แกเห็นหน้านะ แล้วก็เอารถไปจอดไว้ที่บ้านอย่าเดียวแหละ เพราะถ้าเกิดน้ำแมร่งท่วมจริงๆ บ้านตรูก็ย้ายไม่ได้ คงต้องปล่อยให้ท่วม แล้วค่อยซ่อมสีทีหลัง แต่รถเนี่ยะ เราไม่อยากขับรถทีมันต้องซ่อมอ่ะ สมรรถภาพมันต้องด้อยลงไปเยอะเลยอ่ะ น่ะ....เอางี้แหละ เอารถกลับไปเก็บบ้านร้อยเอ็ดแล้วนั่งรถทัวร์กลับมาเฝ้าบ้านล่ะกัน....ตามโน้น

ออกจากมหาชัยประมาณบ่ายสอง พาน้องเพอร์ (Proton Persona) ไปเติมแก๊ส วงแหวนกาญจนาฯ แม่เจ้า รถรอเติมเป็นแสน นี่พวกเมริงไม่เคยได้เติมแก๊สกันเลยรึไงฟร่ะเนี่ยะ (คิดในใจ) ผ่านไปคร่ึงชัวโมง ยังม่ายยยยด้าายยยยย เติม.... เสร็จศิริกระบวนความกว่าจะได้เติมแก๊สเสร็จ 1 ชั่วโมงเต็มๆ เหอะๆๆๆๆ นี่ตรูคิดถูกแล้วใช่ไหมเนี่ยะที่ใช้รถติดแก๊สเนี่ยะ.....

แผนการเดินทางในวันนี้ที่วางไว้ ปลายทางคือ บ้านตาหยวก ต.ทุ่งหลวง อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ใช้เส้นทางเพื่อหนีน้ำท่วมโดยขึ้นด่วนไปลงมีนบุรี (แวะเติมแก๊ส) ตัดเข้าทางไปฉะเชิงเทรา เข้ากบินทร์บุรี (แวะเติมแก๊ส) ขึ้นวังน้ำเขียว ออกปักธงชัย (แวะเติมแก๊ส) นางรอง (แวะเติมแก๊ส) แล้วเข้าสุรินทร์ เพื่อเติมแก๊สรอบสุดท้ายก่อนยิงยาวเข้าบ้าน อิอิอิอิ หวานหมู ค่าเติมทางทั้งหมดไม่น่าเกิน 500 บาท ขับไปเรื่อยๆสังเกตุข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือนและบริษัทฯห้างร้านที่ประดับประดาไปด้วยกระสอบทราย นี่มรึงฮิตเทรนใหม่กันตั้งกะม่ะไหรฟร่ะ.... กะลังขับไปเพลิน มองไปทางข้างหน้า...โอ้ แม่จ้าวววววว....น้ำท่วม ระดับน้ำเกือบมิดล้อกระบะข้างหน้า ซวยแล้ว กระบะยกสูงยังเกือบมิดล้อ....แล้วน้องเพอร์ตรูจะอยู่ตรงไหนว่ะเนี่ยะ.... ฮือออออ T_T เอาว่ะถอยก็ไม่ได้แล้วอ่ะ ทนนิดนึงนะน้องเพอร์ ขับๆไป ใจตรูลงไปอยู่ตรงตาตุ่ม สงสารน้องเพอร์

น้ำเริ่มสูงเรื่อยๆ ครึ่งล้อ...... ขับไปสักพัก มันเริ่มสูงเรื่อยๆ สักพัก มานนนนน มิดล้อ......น้องเพอร์ตรูเลย ....... T_T............ จายยยย ล๊าาาาา ลายยยยยย

ยังดีที่ระยะทางไม่ยาวเท่าไร พอขึ้นมาได้ก็รีบแวะเข้าปั้มตรวจน้องเพอร์ตรูก่อนเลย.... ดีทีไม่เป็นไร ไม่มีอะไรบุบสลาย เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาไปตามทางเรื่อยๆ ผ่านแปดริ้ว สักเกตุทางมีรถที่จะเข้ากรุงเทพมากมาย "นี่เมริงไม่รู้กันรึไงฟร่ะ น้ำจะท่วมกรังเทพแล้วนะเฟ้ยยยยย"​ (คิดในใจ....เหอะๆๆๆๆ) พวกพากันเข้ากรุงชนิดที่ว่าฝั่งขาออกอสย่างเรานี่โล่งเลยอ่ะ แต่ฝั่งขาเข้านี่ติดขนัด..... เหอะๆๆๆๆ โชคดีจังที่ออกกรุงสวยกระแส ใช้ความเร็วได้เรื่อยๆ ขับสบายๆชิลๆ พลางชมตัวเองตรูนี่เก่งจริงๆวางแผนการเดินทางได้เนียนมาก ไม่มีใครมาทางนี้สักเท่าไร

แต่แล้ว......ก็เริ่มมาสะดุดตรงทางขึ้นทับลาน.... รถเริ่มชะลอตัว แต่คงไม่เป็นไรหรอก เพราะปกติเส้นนี้เคยมาเที่ยวคนขึ้นเยอะ รถมันก็มีช้าสะสมตรงทางขึ้นเป็นปกติ ไม่น่าเกินชั่วโมงคงผ่านได้แหละ ................................................................ แต่ (อีกครั้ง) มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เรา....ทำความเร็ว......ได้เต็มที่...ที่ 1 กิโลเมตร ต่อ 2 วัน (ประชด) เหอะๆๆๆๆ ช้ามว๊าาาาาาาากกกกกกกกกก แทบไม่ขยับเลย แถมบางช่วง พวกข้างๆเล่นดับเครื่องกันเลย..... แก๊สละ...ก็จะหมด หลังจากเติมครั้งสุดท้ายที่มีนฯ ตอนนี้มันเหลือ 1 ขีด แบบริบหรี่.... ในใจคิดว่าจะกลับรถไปทางสระแก้วดีมั้ย แต่ทางกลับรถ เช็คจาก GPS มันอยู่อีก 7 กิโลข้างหน้า นั่นหมายถึงว่าตรูต้องผจญชะตากรรมอย่างนี้ต่อไป แต่แล้วเหมือนสวรรค์เป็นใจ มองไปข้างหน้า โลโก้ปั้ม NGV อยู่ลิบๆ เอาว่ะ อย่างน้อยถ้าเราได้เติมแก๊สสักหน่อยก็จะได้สู้ต่อ ไม่ต้องเสียค่าน้ำมันเยอะ และแล้วก็ถึงหน้าปั้ม... และแล้ว...คิวเติมแก๊สยาาาาววววว เหยียด แต่...สู้ๆน่า..... รอไปสัก 20 นาทีถึงคิวเราเติม.... คุณรู้ม่ะ อารมณ์นะตอนนี้มันเหมือนขึ้นสวรรค์เลยอ่ะ แมร่งงงง คราวก่อนตรูมาวังน้ำเขียวมันไม่มีปั้มนี้อยู่อ่ะ มันเพิ่งเปิดใหม่ครับพี่น้อง โคตรโชคดีเลยอ่ะ "ปตท....น่าร๊าาากกกก อ่าาาาาา....." แล้วน้องพนักงานก็เดินมาหาเราเหมือนเคย เราก็ลดกระจกลงเพื่อจะบอกว่าพี่ปลดล็อกฝากระโปรงหน้ารถให้แล้วครับ (น้องเพอร์ผมเป็นรุ่นแรกๆที่เค้าติด NGV กันซึ่งช่องเติมแก๊สนั้นจะอยู่ด้านหน้า) แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ด้วยคำพูดจากได้เด็กเลวคนนี้ว่า (ขอเปลี่ยนสรรพนามเรียกขานหน่อยเถอะ) "พี่ครับ ต้องขออภัยด้วยครับ ตอนนี้เรากำลังทดลองระบบจ่าย แล้วตอนนี้เครื่องจ่ายแก๊สมันไม่เสถียร ตอนนี้เครื่องมีปัญหาครับ"...วิ้งงงงง....................... ความเงียบเข้ามาครอบงำ............. เครื่องมีปัญหา........... หะหะ...หะหะ... แล้วไอ้ที่ตรูต่อแถวรอมา 20 กว่านาทีล่ะ.... แล้วที่ตรูอดทน อดตาหลับขับตานอนรอล่ะ..... ทามมายถึงทามกับช้าาายนนนนด้าาาายยยยยยยยย...........

Saturday, 25 July 2015

วันละกลอน ออนไลน์

วันละกลอน…ออนไลน์…
--------------------------
วันเวลา จะพาวัย เข้าใกล้ฝั่ง
สุขภาพ แลกำลัง จะถดถอย
ใจเคยร้อน ก็ถอยร่น เป็นผลพลอย
เริ่มเย็นลง และรอคอย รู้ปล่อยปลง
สุขสุดท้าย ใช่อยู่ที่ มีทรัพย์สิน
แค่พออยู่ พอกิน ตามประสงค์
มีหน้าที่ การงาน ที่มั่นคง
มีรายได้ พอดำรง ไม่วุ่นวาย
มีบ้านช่อง ครองสุข ไร้ทุกข์ถม
มีครอบครัว ที่เกลียวกลม สมดังหมาย
มีร่มไม้ ไพรพฤกษ์ ไว้ผ่อนคลาย
สุขภาพ ร่างกาย ไร้โรคา
ถือธรรมะ ละนิมิต ให้จิตนิ่ง
และเข้าใจ ในทุกสิ่ง รู้คุณค่า
อนิจจํ...ทุกขํ.......อนัตตา.....
เมื่อมีมา..ก็มีไป..อย่าได้กลัว..
ทรัพย์สมบัติ มากมาย ใช่ไปด้วย
รถและบ้าน จะสุดสวย ทองท่วมหัว
ถึงยามจาก ก็จากไกล ไปแต่ตัว
เหลือสองสิ่ง ดีกับชั่ว ติดตัวไป
--------------------------

Monday, 4 February 2013

ว่าไปแล้วก็จริงนะ...

ลดความออยากที่มากเกินความจำเป็นลงไปบ้าง ชีวิตน่าจะดีขึ้น อาจจะยากในขั้นต้น แต่คงไม่ลำบากเกินไป

บางคนอาจจะถามต่อว่าแล้วอะไรละที่มันเกินจำเป็น ผมว่าอันนี้ก็ต้องใช้วิจารณญาณของตนเองในการวิเคราะห์ดูนะว่าอะไรบ้างในชีวิตของเราที่ว่าเกินไปหรือเกินจำเป็น ในความเห็นของผมเอง อ้างจากเกณฑ์ส่วนตัวก่อนนะ ผมมองว่าอะไรที่ไม่มีแล้วไม่ถึงกับทำให้เราใช้ชีวิตลำบากจนเกินไป หรือไม่มีก็ไม่ตาย นั่นแหละครับคือของที่เกินจำเป็น ของอะไรหรือสิ่งใดก็ตามที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตมากนัก ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หากเรายังไม่มีกำลังที่มากพอที่จะดูแลค่าใช้จ่ายสำหรับของสิ่งนั้นได้ ผมว่าเราไม่ควรมีครับ ผมยังเชื่อเสมอว่าวิธีการเดินทางหรือดำเนินชีวิตของคนเรามันไม่ได้มีแค่ทางเดียว

ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันกันต่อไปครับ... ขอให้มีความสุขกันท่วนหน้าครับ...

....... . ........ ...

Friday, 1 February 2013

ธุรกิจหน้าฮาน... กิจการหน้าเวทีการแสดง...

มีงานบ้านใด๋ ข่อยกะไปเที่ยวเป็นประจำ

งานวัดเป็นกิจกรรมหนึ่งที่พุทธศาสนิกชนและผู้คนทั่วไปคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ผู้ใหญ่ได้มาเที่ยวและทำบุญ เด็กๆก็ได้มาเที่ยวแลพเล่นเครื่องเล่น ได้เล่นสนุก ปกติแล้วกิจกรรมในงานวัดก็จะมีการกิจกรรมการทำบุญไหว้พระ ปิดทอง ถวายสังฆทาน ฯลฯ แต่หากจะมคแค่กิจกรรมเหล่านี้แต่เพียงอย่างเดียวก็อาจจะมีคนมาร่วมทำบุญน้อยคน จึงน่าจะเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งในการที่ให้มีการเปิดร้านขายของ ทั้งของกินของใช้ ของฝากมากมาย ตามมาด้วยกิจกรรมการละเล่นต่างๆ และถ้าลองๆนึกถึงกิจกรรมงานวัด สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็น่าจะมี ดนตรี ชิงช้าสวรรค์ ปาโป่ รถไต่ถัง สาวน้อยตกน้ำ หนูลมกรด ลิเก หมอลำ ภาพยนต์ มากมายหลากหลายอย่างแล้วแต่มติทางวัดและคณะกรรมการจะมีการสรรหามาแสดงกัน

เหล่านี้เองก็เรียกว่าเป็นตัวช่วยให้ผู้คนเข้ามาทำบุญและถือเป็นการพักผ่อนไปในตัวหลังจากการทำงานและภารกิจต่าง ด้วยความที่ผมเป็นคนต่างจังหวัดและได้เห็นกิจกรรรมเหล่านี้และมีความสุขกับงานไม่น้อย เอาเป็นว่าผมชอบงานวัดนะ และคิดว่ามันมีอะไรดีกว่าการไปเที่ยวตามสวนสนุกอีก มาทีเดียวได้เที่ยว ทำบุญ ช็อปปิ้ง ดูดนตรี หากเป็นงานวัดตามต่างจังหวัดแต่ละคนก็จะถือเสื่อมาปูนั่งกันได้เลย แต่ในกรุงเทพและปริมณฑลมักจะไม่ค่อยมีใครถือเสื่อมา นี่แหละจึงเป็นโอกาสให้เหล่าพ่อค้าแม่ค้าหัวใสได้ใช้ช่องว่างในการทำรายได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นั่นเองเป็นที่มาของการแบกแผนพลาสติกขาย ยิ่งถ้างานไหนมีวงดนตรีมาแสดงด้วยแล้วจะยิ่งมีคนมาดูเยอะและรายได้ก็จะยิ่งเยอะตามไปด้วย

ว่าถึงการขายแผ่นพลาสติกปูนั่ง ผมมาลองคำณวนดูเล่นๆ เอาเป็นคนดูคิดเล่นๆสัก 1,000 คน แผ่นพลาสติก 1 แผ่นนั่ง 4 คน เท่ากับว่าจะขายได้ 250 แผ่น ไม่เพียงเท่านั้น เพราะเขาจะคิดค่าคนนั่งด้วย คนละ 10 บาท คิดเป็นค่าจองที่นั่งให้ แผ่นพลาสติกแผ่นละ 20 บาท รายได้เท่าไรลองคิดเอาเองพี่น้อง แค่คิดก็มันส์แล้ว

เราลาออกจากงานมาทำงานนี้กันเถอะพี่น้องคร๊าบ
....... . ........ ...

Saturday, 26 January 2013

ทำบุญตักบาตร - Making Merit

ยังจำได้ไหมว่าเราทำบุญตักบาตรกันครั้งสุดท้ายเมื่อไร?

ที่หยิบยกเรื่องนี้มาใช่ว่าผมเองจะเป็นคนที่ทำบุญโดยการตักบาตรเป็นประจำอะไรหรอกนะ จะมีบ้างก็ช่วงโอกาศพิเศษ หรือนานๆอยากไปตักบาตรก็จะขับรถไปตลาดที ซื้อชุดทำบุญตักบาตรที่แม่ค้าเขาทำเป็นชุดไว้ มาทำทีนึง ส่วนใหญ่แล้วผมจะเลือกวิธีการในการทำบุญทำทานมากกว่า จะเลือกดูว่าแบบไหนที่เราทำไปแล้วมีคนได้ใช้ประโยชน์จริงๆ หรือไม่ก็เอาไปส่งให้ถึงใกล้มือคนที่รับไปใช้จริงๆให้มากที่สุด

บ่อยครั้งนะครับที่ไปตักบาตรตอนเช้าๆ ผมมักจะสังเกตุเห็นมีก็เพียงแค่คนวัยทำงาน หรือไม่ก็คนสูงอายุที่มายืนตักบาตร แต่ไม่ค่อยเห็นเด็กๆมาตักบาตรเลย สิ่งที่ผมพลันคิดตามมาคือแล้วต่อไปละ คนจะยังมาตักบาตรกันอยู่ไหม ยิ่งนับวันข่าวที่แย่ๆเกี่ยวกับพระสงฆ์ก็เยอะๆกันอยู่ด้วย อย่าว่าแต่คนอื่นเลยครับ ผมเองก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีกับกลุ่มคนที่ทำให้ศาสนาเสื่อมเสียจนพาลทำให้ไม่ค่อยเชื่ออย่างสนิทใจว่าพระสงฆ์ที่เราเห็นเนี่ยะเป็นพระจริงๆหรือเปล่า แต่จะอย่างไรก็ตาม เอาง่ายๆว่าไม่ว่าเราจะทำบุญแบบไหน วิธีใดก็ตามขอให้เราเต็มใจและมีความสุขความสบายใจในการกระทำแค่นั้นก็พอแล้ว แล้วก็ไม่ลืมในการที่จะถ่ายทอดประเพณีอันดีงามไว้ให้ลูกหลานได้สืบทอดกันต่อไปด้วยนะครับ


....... . ........ ...

Saturday, 19 January 2013

นิทานสอนใจ "เรื่องคนที่ไม่ถูกนินทา"

นิทานสอนใจ "เรื่องคนที่ไม่ถูกนินทา"

วันหนึ่ง มี ตา กับหลานชาย ต้องเดินทางไกล ไปหาญาติที่อยู่ต่างเมือง โดยมีม้าเป็นพาหนะไว้เดินทาง ทั้งหมดจะต้องผ่านเมืองต่างๆ แต่ระหว่างทาง ด้วยความกตัญญูของหลานชาย เห็นตาผู้ชรา จึงขอให้ตา นั่งบนหลังม้า เพราะความเป็นห่วงเป็นใย แต่เมื่อเข้ามาในเมืองหนึ่ง ชาวบ้านต่าง ซุบซิบนินทาว่า "ต๊าย ดูสิ เป็นผู้ใหญ่ซะปล่าว ทำเป็นสำออย ใช้แรงงานเด็ก ตัวเองสะบายเลยนะ"

เมื่อ ตา ได้ยินเช่นนั้น จึงไม่อยากให้เป็นที่นินทาของใคร จึงบอกให้หลานชาย ขึ้นมาขี่ม้าแทน จนมาถึงอีกเมืองหนึ่ง ชาวบ้านเมืองนี้ก็ นินทา ว่าร้ายหลานชายว่า "ดู ดู๊ ดู ดู มันทำ ทำไม ถึงทำกับตาแก่ๆได้" เมื่อหลานได้ยินเช่นนั้น จึงให้ตาขึ้นมาขี่ม้าด้วยอีกคน พร้อมพูดว่า "ดูซิ ว่าจะมีใครนินทาพวกเราอะไรอีกไหม"

ต่อมา เมื่อมาถึงอีกเมืองหนึ่ง ก็ไม่พ้นการโดนนินทาของชาวบ้าน "โถ่ ๆ ๆ เจ้าม้าช่างน่าสงสาร ทำไมเจ้านายของแกถึงใจร้าย ใจดำ ใช้งานหนักเกินไปจริงๆ" ทั้งคู่ จึงตัดปัญหา ลงจากหลังม้า และย่างเท้าเดินไปแทน แต่แล้ว ก็ต้องมาผ่านเมือง อีกเมืองหนึ่ง คราวนี้ ชาวบ้านไม่ได้นินทาอย่างเดียว กลับหัวเราะเยาะใส่ด้วย "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดู ตา กับ หลาน คู่นั้นสิ โง่จริงๆ มีม้าแต่กลับไม่ขี่ เดินจูงอยู่นั่นแหละ"

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ในโลกนี้ไม่มีใครไม่ถูกนินทา เพราะต่อให้เราทำสิ่งที่ดีแค่ไหน คนที่ไม่ชอบเรา เค้าก็จะนินทาเราอยู่ดี ดั้งนั้น เมื่อเราได้กระทำความดีแล้ว จงตั้งใจทำต่อไป อย่าเอาคำ "ไม่ดี" ของคน "ไม่ดี" มาใส่ใจ เพราะจะทำให้ใจเรารู้สึก " ไม่ดี "

@[232780660840:274:ธรรมทาน]
ภาพ :internet
....... . ........ ...

Thursday, 17 January 2013

นิทานสอนใจ "เรื่องคนที่ไม่ถูกนินทา"

นิทานสอนใจ "เรื่องคนที่ไม่ถูกนินทา"

วันหนึ่ง มี ตา กับหลานชาย ต้องเดินทางไกล ไปหาญาติที่อยู่ต่างเมือง โดยมีม้าเป็นพาหนะไว้เดินทาง ทั้งหมดจะต้องผ่านเมืองต่างๆ แต่ระหว่างทาง ด้วยความกตัญญูของหลานชาย เห็นตาผู้ชรา จึงขอให้ตา นั่งบนหลังม้า เพราะความเป็นห่วงเป็นใย แต่เมื่อเข้ามาในเมืองหนึ่ง ชาวบ้านต่าง ซุบซิบนินทาว่า "ต๊าย ดูสิ เป็นผู้ใหญ่ซะปล่าว ทำเป็นสำออย ใช้แรงงานเด็ก ตัวเองสะบายเลยนะ"

เมื่อ ตา ได้ยินเช่นนั้น จึงไม่อยากให้เป็นที่นินทาของใคร จึงบอกให้หลานชาย ขึ้นมาขี่ม้าแทน จนมาถึงอีกเมืองหนึ่ง ชาวบ้านเมืองนี้ก็ นินทา ว่าร้ายหลานชายว่า "ดู ดู๊ ดู ดู มันทำ ทำไม ถึงทำกับตาแก่ๆได้" เมื่อหลานได้ยินเช่นนั้น จึงให้ตาขึ้นมาขี่ม้าด้วยอีกคน พร้อมพูดว่า "ดูซิ ว่าจะมีใครนินทาพวกเราอะไรอีกไหม"

ต่อมา เมื่อมาถึงอีกเมืองหนึ่ง ก็ไม่พ้นการโดนนินทาของชาวบ้าน "โถ่ ๆ ๆ เจ้าม้าช่างน่าสงสาร ทำไมเจ้านายของแกถึงใจร้าย ใจดำ ใช้งานหนักเกินไปจริงๆ" ทั้งคู่ จึงตัดปัญหา ลงจากหลังม้า และย่างเท้าเดินไปแทน แต่แล้ว ก็ต้องมาผ่านเมือง อีกเมืองหนึ่ง คราวนี้ ชาวบ้านไม่ได้นินทาอย่างเดียว กลับหัวเราะเยาะใส่ด้วย "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดู ตา กับ หลาน คู่นั้นสิ โง่จริงๆ มีม้าแต่กลับไม่ขี่ เดินจูงอยู่นั่นแหละ"

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ในโลกนี้ไม่มีใครไม่ถูกนินทา เพราะต่อให้เราทำสิ่งที่ดีแค่ไหน คนที่ไม่ชอบเรา เค้าก็จะนินทาเราอยู่ดี ดั้งนั้น เมื่อเราได้กระทำความดีแล้ว จงตั้งใจทำต่อไป อย่าเอาคำ "ไม่ดี" ของคน "ไม่ดี" มาใส่ใจ เพราะจะทำให้ใจเรารู้สึก " ไม่ดี "

@[232780660840:274:ธรรมทาน]
ภาพ :internet
....... . ........ ...