Monday, 4 February 2013

ว่าไปแล้วก็จริงนะ...

ลดความออยากที่มากเกินความจำเป็นลงไปบ้าง ชีวิตน่าจะดีขึ้น อาจจะยากในขั้นต้น แต่คงไม่ลำบากเกินไป

บางคนอาจจะถามต่อว่าแล้วอะไรละที่มันเกินจำเป็น ผมว่าอันนี้ก็ต้องใช้วิจารณญาณของตนเองในการวิเคราะห์ดูนะว่าอะไรบ้างในชีวิตของเราที่ว่าเกินไปหรือเกินจำเป็น ในความเห็นของผมเอง อ้างจากเกณฑ์ส่วนตัวก่อนนะ ผมมองว่าอะไรที่ไม่มีแล้วไม่ถึงกับทำให้เราใช้ชีวิตลำบากจนเกินไป หรือไม่มีก็ไม่ตาย นั่นแหละครับคือของที่เกินจำเป็น ของอะไรหรือสิ่งใดก็ตามที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตมากนัก ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หากเรายังไม่มีกำลังที่มากพอที่จะดูแลค่าใช้จ่ายสำหรับของสิ่งนั้นได้ ผมว่าเราไม่ควรมีครับ ผมยังเชื่อเสมอว่าวิธีการเดินทางหรือดำเนินชีวิตของคนเรามันไม่ได้มีแค่ทางเดียว

ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันกันต่อไปครับ... ขอให้มีความสุขกันท่วนหน้าครับ...

....... . ........ ...

Friday, 1 February 2013

ธุรกิจหน้าฮาน... กิจการหน้าเวทีการแสดง...

มีงานบ้านใด๋ ข่อยกะไปเที่ยวเป็นประจำ

งานวัดเป็นกิจกรรมหนึ่งที่พุทธศาสนิกชนและผู้คนทั่วไปคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ผู้ใหญ่ได้มาเที่ยวและทำบุญ เด็กๆก็ได้มาเที่ยวแลพเล่นเครื่องเล่น ได้เล่นสนุก ปกติแล้วกิจกรรมในงานวัดก็จะมีการกิจกรรมการทำบุญไหว้พระ ปิดทอง ถวายสังฆทาน ฯลฯ แต่หากจะมคแค่กิจกรรมเหล่านี้แต่เพียงอย่างเดียวก็อาจจะมีคนมาร่วมทำบุญน้อยคน จึงน่าจะเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งในการที่ให้มีการเปิดร้านขายของ ทั้งของกินของใช้ ของฝากมากมาย ตามมาด้วยกิจกรรมการละเล่นต่างๆ และถ้าลองๆนึกถึงกิจกรรมงานวัด สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็น่าจะมี ดนตรี ชิงช้าสวรรค์ ปาโป่ รถไต่ถัง สาวน้อยตกน้ำ หนูลมกรด ลิเก หมอลำ ภาพยนต์ มากมายหลากหลายอย่างแล้วแต่มติทางวัดและคณะกรรมการจะมีการสรรหามาแสดงกัน

เหล่านี้เองก็เรียกว่าเป็นตัวช่วยให้ผู้คนเข้ามาทำบุญและถือเป็นการพักผ่อนไปในตัวหลังจากการทำงานและภารกิจต่าง ด้วยความที่ผมเป็นคนต่างจังหวัดและได้เห็นกิจกรรรมเหล่านี้และมีความสุขกับงานไม่น้อย เอาเป็นว่าผมชอบงานวัดนะ และคิดว่ามันมีอะไรดีกว่าการไปเที่ยวตามสวนสนุกอีก มาทีเดียวได้เที่ยว ทำบุญ ช็อปปิ้ง ดูดนตรี หากเป็นงานวัดตามต่างจังหวัดแต่ละคนก็จะถือเสื่อมาปูนั่งกันได้เลย แต่ในกรุงเทพและปริมณฑลมักจะไม่ค่อยมีใครถือเสื่อมา นี่แหละจึงเป็นโอกาสให้เหล่าพ่อค้าแม่ค้าหัวใสได้ใช้ช่องว่างในการทำรายได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นั่นเองเป็นที่มาของการแบกแผนพลาสติกขาย ยิ่งถ้างานไหนมีวงดนตรีมาแสดงด้วยแล้วจะยิ่งมีคนมาดูเยอะและรายได้ก็จะยิ่งเยอะตามไปด้วย

ว่าถึงการขายแผ่นพลาสติกปูนั่ง ผมมาลองคำณวนดูเล่นๆ เอาเป็นคนดูคิดเล่นๆสัก 1,000 คน แผ่นพลาสติก 1 แผ่นนั่ง 4 คน เท่ากับว่าจะขายได้ 250 แผ่น ไม่เพียงเท่านั้น เพราะเขาจะคิดค่าคนนั่งด้วย คนละ 10 บาท คิดเป็นค่าจองที่นั่งให้ แผ่นพลาสติกแผ่นละ 20 บาท รายได้เท่าไรลองคิดเอาเองพี่น้อง แค่คิดก็มันส์แล้ว

เราลาออกจากงานมาทำงานนี้กันเถอะพี่น้องคร๊าบ
....... . ........ ...